วันพุธที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2559

การเล่นดึงข้อ เสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง และสามารถเพิ่มความสูงได้ ตอนที่ 1




ดร. สมภาร พรมทาญหาวัดพระธรรมกายที่กำลังเป็นข่าวต่อเนื่องยาวนานในบ้านเราเวลานี้ สะท้อนหลายสิงที่น่าคิดและน่าเป็นห่วง อาจกล่าวได้ว่ากรณีวัดพระธรรมกายนี้เป็นกรณีที่ส่งผลสะเทือนรุนแรงที่สุดต่อวงการพุทธศาสนาในประเทศไทยเท่าที่เคยเป็นมา ในอดีตนั้นพุทธศาสนาในลังคมเราอาจเคยมีปัญหาบ้าง เช่นปัญหาการละเมิดพระธรรมวินัยของพระสงฆ์ ซึ่งเป็นสิงที่มีมาตลอดเวลา แม้ในสมัยพุทธกาลเองก็ตาม หรือปัญหาที่ดูเหมือนจะสำคัญคือการแยกนิกายเป็นมหานิกายและธรรมยุตในสมัยรัชกาลที่ 3 และ 4 แต่ปัญหาเหล่านี้ก็เป็นปัญหาที่สามารถแกไข หรือดูแลให้เรียบร้อยได้ภายในกรอบของพระธรรมวินัยที่ได้รับการสนับสนุนโด ยรัฐ    สังคมไทยในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาเป็นสังคมที่มีลักษณะพิเศษบางอย่างคือ ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนาน รัฐไทยถือว่าเป็นหน้าที่ของตนเองที่จะต้องปกป้องพุทธศาสนา ดังนั้นในอดีตเราจะพบว่าเมื่อคณะสงฆ์มีปัญหาซึ่งตามปกติจะสามารถจัดการแกไขได้ภายในคณะสงฆ์เอง  บาร์โหนเหล็ก แต่กลับเป็นว่าคณะสงฆ์ไม่สามารถจัดการได้ รัฐจะยี่'นมีอเข้ามาจัดการด้วยตัวเองทันทีกรณีส่าสุดที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นการยื่นมือของรัฐเข้ามาจัดการกับปัญหาในคณะสงฆ์ ก็คือกรณีสันติอโศก และผลของการจัดการนั้นก็เป็นดังที่ทราบกันทั่วไปคือชาวสันติอโศกสามารถดำเนินกิจกรรมทางศาสนาตามความเชื่อของตนได้แต่ไม,มีสิทธิเรียกตัวเองว่าเป็นพระสงฆ์ในพุทธศาสนาคณะสงฆ์ไทยแม้จะปกครองกันเองด้วยพระธรรมวินัย แต่การปกครองกันเองนั้นเมื่อไม่มีพระศาสดาคอยทำหน้าที่ชี้ขาดความขัดแย้งและเป็นหลักยึดของทุกฝ่ายแล้วก็อาจมีปัญหาได้ในบางกรณี สิงสำคัญที่สุดที่ทำให้การปกครองกันเองของสงฆ์มีปัญหาก็คือ การมีความคิดไม่ลงรอยกันในเรื่องการตีความคำสอนของพระพุทธองค์ 



  สมมติว่ามีพระสงฆ์กลุ่มหนึ่งเข้าใจว่าพระพุทธองค์ไม่ได้ปฏิเสธความคิดเรื่องพระเจ้า แล้วตีความว่ามีคำสอนว่าด้วยเรื่องพระเจ้ามากมายในพระไตรปิฎก ความเข้าใจเช่นนี้ขัดแย้งกับความเชื่อหลักของคณะสงฆ์ที่รัฐสนับสนุนอยู่ ขั้นตอนในการแก้ปัญหานี้มีอยู่สองขั้นคือ (1) คณะสงฆ์หลักโดยคณะผู้ปกครองจะตามลำดับขั้นหรือตรงไปยังระดับสูงสุดเลยก็ตาม จะทำหน้าที่ปรับความเข้าใจกับพระสงฆ์กลุ่มนั้นว่าที่สอนอย่างนั้นไม่ตรงกับที่ยึดถือกันมา หากว่าพระสงฆ์กลุ่มนั้นยอมร้ปว่าตนเองสอนไม่ถูกต้อง ปัญหาก็จบ แต่ถ้าพระสงฆ์กลุ่มนั้นยืนยันว่าตนเองสอนถูกในขณะที่คณะสงฆ์หลักสอนผิด ปัญหาก็จะเลยไปสู่ขั้นตอนที่ (2) คือรัฐจะเข้ามาเป็นผู้จัดการจารีตการอาคัยรัฐเข้ามาเป็นผู้จัดการปัญหาวิกฤติในพุทธศาสนานี้เป็นจารีตที่พุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทยอมรับว่าถูกต้องและถือปฏิบัติกันมายาวนานจารีตดังกล่าวนี้เข้าใจก้นว่าสืบเนื่องมาจากเหตุการณไนประวัติศาสตร์สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช บาร์โหนประกอบง่าย  คัมภีร์เล่าว่าครั้งนั้นมีเดียรถีย์ (นักบวชนอกพุทธศาสนา)ดร. สมภาร พรมทาเข้ามาปลอมบวชเป็นพระสงฆ์เพื่อหวังลาภสักการะมากมาย และเมื่อเข้ามาบวชแล้วก็นำเอาความเชื่อเดิมของตVเมาสอน แล้วอ้างว่านี่คือคำสอนของพุทธศาสนาคณะสงฆ์เองไม่สามารถจัดการปัญหานี้ได้ด้วยตัวเอง จึงได้ขอความอุปถัมภ์จากทางบ้านเมืองให้จัดการสังคายนาขึ้น มืข้อที่น่าสังเกตว่า การสังคายนาครั้งนี้ดูเหมือนว่ารัฐจะมีสมมติฐานที่ตั้งไว้ก่อนแล้วว่า (1) มืคำสอน'ที่ถูกต้องในพุทธศาสนาอยู่แล้วชุดหนึ่ง และ (2) คำสอนที่ถูกต้องที่ว่านี้เป็นหน้าที่ของรัฐที่จะต้องปกป้องรักษาเอาไว้ ใครก็ตามที่คืดไม,ตรงกับคำสอนที่ว่านี้จะต้องออกไปจากคณะสงฆ์ รัฐโดยพระเจ้าอโศกมหาราชเชื่อว่าคำสอนที่ถูกต้องในพุทธศาสนาชุดที่ว่านั้นคือสิงที่พระเถระคนสำคัญในสมัยนั้น คือพระ-โมคคัลลีบุตรติสสะยึดถืออยู่ ดังนั้นในการทำสังคายนา รัฐจึงสถาปนาพระ- chinupbar เถระรูปนี้ขึ้นเป็นประธาน การสังคายนากระทำกันในรูปของการนำเอาบรรดาคณาจารย์ต่างๆ ในเวลานั้นมาแสดงความเห็นของตนเกี่ยวกับพุทธธรรม ให้คณะกรรมการซึ่งนำโดยพระโมคคัลลีบุตรติสสะฟ้ง



 กระดูก คณะกรรมการจะทำหน้าที่ตรวจสอบว่าสิงที่บรรดาคณาจารย์เหล่านี้สอนตรงหรือไม่กับพุทธธรรมที่เป็นมาตรฐาน ใครสอนไม่ตรงจะถูกบังคับให้ลาสิกขา เฉพาะที่สอนตรงเท่านั้นที่จะดำรงเพศเป็นพระภิกษุในพุทธศาสนาต่อไปได้ คัมภีร์เล่าว่าผลจากการสังคายนาคราวนั้น มีพระสงฆ์ถูกจับสืกจำนวนมากสมัยโบราณ  ประกอบรัฐเข้ามาเกี่ยวข้องกับศาสนาผ่านทางพระมหากษัตริย์การที่พระมหากษัตริย์จำเป็นต้องทรงเกี่ยวข้องกับศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งพุทธศาสนานี้ ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์จำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับพุทธศาสนาเป็นอย่างดี เพราะหากขาดความรู้ ก็อาจเป็นไปได้ว่าการเข้ามาเกี่ยวข้องนั้นจะเกิดความผิดพลาดได้ ในจารึกสุโขทัยบางหลัก มีข้อความระบุว่าพระเจ้าแผ่นดินในสมัยนั้นทรงมีความรู้เกี่ยวกับพุทธศาสนาเป็นอย่างดีถึงขนาดว่าสามารถบรรยายเนื้อหาของพุทธศาสนาแก่ประชาชนได้เช่นเดียวกับพระเถระผู้ทรงพระไตรปิฎก  บาร์โหนเพิ่มความสูง วรรณกรรมเรื่อง1ตรภูมิก็เป็นประจักษ์พยานในเรื่องนี้กันดีอยู่แล้ว    มีฃ้อที่น่าสังเกตว่า เมื่อพระเจ้าแผ่นดินมีความจำเป็นต้องมีความรู้ทางด้านพุทธศาสนา ความจำเป็นนี้ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์สมัยโบราณต้องดิกษาเล่าเรียนพุทธศาสนา ซึ่งก็แปลความต่อไปได้ว่าท่านจะต้องมีครูครูเหล่านี้ก็คือพระเถระที่ใกล้ชิดคุ้นเคยกับราชสำนักนั่นเอง จากจุดนี้เราจะเห็นว่าระบบสังคมของเรานั่นเองที่เอื้ออำนวยให้สังคมไทยต้องมี “พุทธศาสนาของรัฐ” ไปโดยอัตโนมัติ เนื่องจากว่าการเรียนการสอนพระปริยัติธรรมภายในคณะสงฆ์ไทยในอดีตเป็นกิจกรรมที่กระทำกันในแวดวงแคบ ๆ การอธิบายและตีความพระธรรมวินัยชนิดที่ยึดถืออรรถกถาและมติของโบราณา-จารย์เป็นหลักอย่างเคร่งครัดนั้น ทำให้ความคิดของผู้ผ่านการดิกษาอบรมมาในระบบนี้ค่อนข้างมีความเป็นเอกภาพ การที่รัฐยึดถือพุทธศาสนาแบบหนึ่งว่าเป็นพุทธศาสนาของรัฐแล้วให้การคุ้มครองปกป้อง จึงเป็นเรื่องที่ไม่สร้างปัญหาความขัดแย้งอะไรในหมู่พุทธศาสนิกชนด้วยกัน บทบาทของรัฐในการปกป้องพุทธศาสนาตามที่กล่าวมานี้ ดูจะมุ่งไปที่การปกป้องพุทธศาสนาจากการรุกรานหรือทำลายโดยบุคคลหรือแนวคิดนอกพุทธศาสนาเสียมากกว่าแต่แล้วสัญญาณที่เตือนว่าระบบความคิดแบบที่เห็นว่า มีพุทธศาสนาอยู่แบบหนึ่งที่เป็นพุทธศาสนามาตรฐาน    และพุทธศาสนาแบบนี้รัฐต้องคุ้มครองปกป้องในฐานะพุทธศาสนาแห่งชาติ อาจมีปัญหาก็เกิดเนเมื่อสังคมไทยก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่ระบบการศึกษาแบบตะวันตกเข้ามามีอิทธิพลต่อความคิดของคนไทยมากขึ้น ในช่วงเวลาดังกล่าวนี้ใด้เกิดมีสำนักความคิดใหม่ ๆขึ้นในพุทธศาสนาซึ่งมีความเชื่อพื้นฐานบางอย่างแตกต่างออกไปจากความเชื่อพื้นฐานของพุทธศาสนาของรัฐ  อุปกรณ์ลดหน้าท้อง ในที่นี้เราจะพิจารณาสำนักสันติอโศก สำนักธรรมกาย และสำนักของท่านพุทธทาสในฐานะตัวอย่างกระแสความคิดแบบใหม่ที่แตกต่างออกไปจากกระแสความคิดหลัก ท่านพุทธทาสนั้นคือปราชญ์ทางพุทธศาสนาที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของโลก ความยิ่งใหญ่ของท่านมาจากการตีความพุทธธรรมตามแบบฉบับเฉพาะตัวของท่าน  มีข้อที่น่าสังเกตว่า เมื่อเทียบกับสันติอโศกและธรรมกายแล้ว ท่านพุทธทาสแตกต่างจากเจ้าสำนักทั้งสองนั้นตรงที่ท่านเรียนบาลี จนมีความรู้ทางภาษาดีเลิศชนิดที่ไม่มีอุปสรรคในmamnussดร. สมภาร พรมทาการทำความเข้าใจพุทธศาสนาที่จารึกเอาไวในภาษาดั้งเดิมอย่างใดทั้งสิน  บาร์โหนสนามเด็กเล่น  ท่านโพธิรักษ์นั้นแม้จะมีความคิดแปลกๆ ใหม่ๆ ในการตีความพุทธธรรม แต่ความแปลกใหม่นั้นก็ยากที่จะทำให้ผู้รู้พุทธศาสนาแบบของรัฐยอมรับได้เพราะตัวท่านโพธิรักษ์ขาดความรู้ทางภาษาบาลีส่วนเจ้าสำนักธรรมกายคือหลวงพ่อสดนั้นแม้จะมีความรู้ทางภาษาบาลีแต่ความแปลกใหม่ในการนำเสนอพุทธธรรมของทำนก็ดูจะไม่เกี่ยวกับความสามารถทางภาษาแต่อย่างใด วิชาธรรมกายที่ท่านประกาศว่าเป็นวิชาเร้นลับที่สูญหายไปจากโลกมาเป็นเวลายาวนาน และบัดนี้ท่านเป็นผู้ค้นพบก็ดูจะเป็นลัทธิลึกลับ  ซึ่งไม่รู้ที่มาที่ไปเลียมากกว่าที่จะเป็นการตีความพุทธธรรมจากพื้นฐานที่มีอยู่แล้วคือ เนื้อหาในพระไตรปิฎก แม้ท่านจะอ้างข้อความบางแห่งในพระไตรปิฎกสนับสนุน การอ้างนั้นก็ดูจะมีนํ้าหนักน้อยมากในสายตาของผู้รู้พุทธศาสนาแบบของรัฐ

บาร์โหน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น